; การติดเชื้อท้องเสีย โนโรไวรัส (Norovirus) -โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ McCormick Hospital ChiangMai

การติดเชื้อท้องเสีย โนโรไวรัส (Norovirus)

โนโรไวรัส Norovirus คืออะไร

        โนโรไวรัส Norovirus เดิมชื่อ นอร์วอล์กไวรัส Norwalk Virus เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อท้องเสีย ที่ไม่ใช่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่สามารถติดต่อกันได้ ผ่านการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส รวมถึงการสัมผัสหรือโดนละอองอาเจียนของผู้ป่วยที่มีเชื้อก็สามารถติดต่อกันได้ ดังนั้น โนโรไวรัส จึงสามารถเกิดการระบาดได้ง่ายมากโดยเฉพาะกลุ่มเด็กตามโรงเรียนที่อยู่ร่วมกันเยอะๆ จะพบและติดต่อกันได้ในระยะเวลาอันสั้น

        ทั้งนี้ เชื้อโนโรไวรัส จะมีความคงทนมากต่อสภาพแวดล้อม โดยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้และมักระบาดในฤดูหนาว นอกจากนี้ยังเป็นเชื้อที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่รีบรักษา ซึ่งอัตราการเสียชีวิตนั้น มักจะพบได้บ่อยในเด็กเล็ก คนสูงอายุ หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น

 

 

อาการและอาการแสดง

        ส่วนใหญ่จะมีอาการแสดงออกภายในเวลา 24 - 48 ชั่วโมง หลังทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อนี้ หรือแม้แต่การสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากผู้ป่วยรายอื่นๆ ก็สามารถติดได้ และอาการท้องเสียมักจะดีขึ้นภายใน 24 - 27 ชั่วโมง หลังจากเริ่มมีอาการป่วย

 

อาการการติดเชื้อท้องเสียโนโรไวรัสที่พบบ่อย คือ...

  • คลื่นไส้ อาเจียน ค่อนข้างรุนแรง
  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
  • ปวดท้อง
  • ปวดศีรษะ
  • มักมีไข้ต่ำๆ ร่วมด้วย แต่บางรายอาจมีไข้สูง 38 - 39 องศาเซลเซียสได้
  • อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว

        แม้ว่าอาการคลื่นไส้อาเจียนจะดูรุนแรงพอสมควร แต่การตรวจร่างกายมักจะไม่มีอาการปวดเฉพาะที่ หรือปวดเกร็งของหน้าท้อง ทำให้พอวินิจฉัยแยกโรคจากสาเหตุอื่นๆ ที่มีอาการและอาการแสดงที่คล้ายกัน เช่น ภาวะลำไส้กลืนกัน ไส้ติ่งอักเสบ การติดเชื้ออาหารเป็นพิษด้วยเชื้ออื่นๆ

        สำหรับรายที่มีอาการอาเจียน และถ่ายเป็นน้ำเยอะ ผู้ป่วยอาจมีอาการของการขาดน้ำ เช่น มีไข้ ดูเพลียมาก มีชีพจรเบา เร็ว และมีความดันโลหิตต่ำได้

การวินิจฉัยการติดเชื้อท้องเสียโนโรไวรัส

         โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระส่งตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการ (เป็นการตรวจด้วยแลปพิเศษ ไม่ใช่เป็นการเพาะเชื้อไวรัส) และยังไม่ได้เป็นแลปที่สามารถทำได้ในทุกโรงพยาบาล

โนโรไวรัส รักษาอย่างไร?

        การติดเชื้อท้องเสียจากเชื้อโนโรไวรัส ตอนนี้ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แต่จะรักษาตามอาการ เช่น ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ให้ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อาเจียน และรับประทานอาหารอ่อนๆ จนกว่าการจะดีขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปอาการมักจะดีขึ้นภายใน 1-3 วัน แต่ถ้าหากเด็กเล็กหรือคนป่วยที่มีอาการไม่ดีขึ้น หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ความดันโลหิตต่ำ ช็อก หรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น หากรักษาเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้นให้รีบพาไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดทันที

โนโรไวรัส ป้องกันอย่างไร?

        ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อโนโรไวรัส และยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์ ก็ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ แต่วิธีป้องกันโดยทั่วไปคือการใส่ใจในสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ จะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ เพราะเป็นโรคที่ติดต่อง่ายมาก วิธีป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ คือ

  • ควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อย่างน้อย 15-30 วินาที (หากเป็นเด็ก ควรสอนให้ล้างมือพร้อมกับร้องเพลงช้าง 1 จบ) ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร หรือหลังหยิบจับสิ่งของหรือสิ่งสกปรกต่างๆ
  • รับประทานอาหารที่ยังร้อนๆ และปรุงสุกใหม่ๆ และใช้ช้อนกลางเสมอ
  • ดื่มน้ำสะอาด
  • ทั้งนี้เด็กๆ ที่ติดเชื้อท้องเสียโนโรไวรัส พ่อแม่ควรงดให้ลูกไปโรงเรียน และรักษาให้หายดีเสียก่อน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
  • ทิ้งเศษอาเจียน และอุจจาระอย่างระมัดระวัง โดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ซับไม่ให้มีการฟุ้งกระจายและทิ้งลงไปในถุงพลาสติก
  • ฆ่าเชื้อไวรัสในพื้นที่ปนเปื้อนด้วยสารละลายคลอรีน
  • ผู้ป่วยควรงดการทำอาหาร เพราะคุณสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ใน 3 วัน และหลีกเลี่ยงการเดินทางจนกว่าจะหายดี

 

 

อ้างอิงจาก :
- กนกพรรณ ศรีมโนภาษ Norovirus กับความปลอดภัยอาหาร
- Norovirus in Healthcare Facities Fact Sheet.
- ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต