;
#31 พฤษภาคม ของทุกปี “วันงดสูบบุหรี่โลก”
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดประเด็นรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลกในปี 2566 ว่า
"บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย"
เพื่อใช้เป็นแนวทางการสื่อสารรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบในทิศทางเดียวกันตลอดปี โดยมีวัตถุประสงค์ คือ
1. เพื่อมุ่งเน้นสร้างการรับรู้ถึงอันตรายของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า
2. เพื่อให้รู้ถึงอันตรายของสารพิษต่าง ๆ ที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้า
3. เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า
4. เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงปัญหาและอันตรายของสารพิษในบุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้า (Electronic Cigarette) หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Vape คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการสูบบุหรี่ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อสร้างความร้อนและสร้างสารในไอระเหยที่ผู้ใช้สูบเข้าไปในปอด ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าผิดกฎหมาย มีความผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้ขายและผู้ใช้
ข่าวความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เช่น บุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตราย เป็นเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้าช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง ทางกรมควบคุมโรคได้ยืนยันชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้าถือว่ามีอันตรายรุนแรงเทียบเท่ากับบุหรี่ธรรมดา จากการวิจัยล่าสุดพบว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ในช่องปาก เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง สารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้า เช่น นิโคติน ซิลิเกต และฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นอันตรายและส่งผลกกระทบต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่เราไม่ควรมองข้าม ได้แก่
1. อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ : การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินหายใจและเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคระบบเดินหายใจ เช่น โรคถุงลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และภาวะหอบหืด
2. อันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด : การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และความดันโลหิตสูง สารพิษที่มีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เส้นเลือดตีบและเกิดการอุดตันภายในหลอดเลือด
3. อันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร : สารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน และระบบการย่อยอาหาร
4. อันตรายต่อระบบประสาท : การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจส่งผลต่อระบบประสาทโดยเฉพาะการส่งสัญญาณประสาทภายในสมอง อาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า มีความผิดปกติในการควบคุมการเคลื่อนไหว ปวดศีรษะ มึนงง
5. อันตรายต่อระบบการทำงานของร่างกาย : การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบ หายใจอ่อนแรง และความสามารถในการออกกำลังกายลดลง ภูมิคุ้มลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อ โรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
บุหรี่ไฟฟ้าติดง่ายและเลิกยากกว่าการเลิกบุหรี่แบบธรรมดาเนื่องจากระดับสารนิโคตินที่สูงกว่า สามารถแต่งกลิ่นและปริมาณตามความพอใจทำให้ผู้สูบรู้สึกเพลิดเพลินกับภัยเงียบดังกล่าวโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อหลีกเหลี่ยงความเสี่ยงผลกระทบจากการสูบบุหรี่ จึงควรสร้างทางเลือกใหม่ให้กับสุขภาพของคุณ นั่นคือ “การป้องกันดีกว่าการรักษา” วันนี้ยังไม่สายเกินไปใช่ไหมที่จะ “ลด ละ เลิกบุหรี่” ร่วมกันรณรงค์สร้างผลดีให้กับตัวคุณและครอบครัว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค