; รู้จักโรค RSV การป้องกันโรคและการฉีดวัคซีน RSV ในผู้สูงอายุ -โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ McCormick Hospital ChiangMai

รู้จักโรค RSV การป้องกันโรคและการฉีดวัคซีน RSV ในผู้สูงอายุ



โรค RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นโรคที่คนส่วนใหญ่อาจไม่คุ้นเคย แต่หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเด็กเล็กที่ป่วยด้วยโรคนี้บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม วัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ก็มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ RSV ได้ และในบางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้

สาเหตุและอาการของโรค RSV

RSV เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หลอดลมและปอด ซึ่งไวรัสนี้แพร่กระจายได้ง่ายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม มันสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก ปาก หรือดวงตา รวมถึงการสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ แล้วนำมือมาสัมผัสใบหน้า

อาการของโรค RSV

อาการของโรค RSV ในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจมีลักษณะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่มีความรุนแรงและระยะเวลานานกว่า โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่:

  • มีไข้
  • ไอเรื้อรัง
  • หายใจลำบากหรือหายใจสั้นและเร็ว
  • เสมหะมากขึ้น
  • รู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรง

แม้อาการของ RSV ในผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะหายภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดลมอักเสบหรือโรคหอบหืด อาจมีอาการไอต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนได้


วิธีการรักษาและป้องกันโรค RSV และ วัคซีน RSV

โรค RSV เป็นโรคติดเชื้อที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ แม้จะหายแล้วก็ตาม เพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นอยู่ได้ไม่นาน นอกจากนี้ RSV ยังสามารถแพร่จากเด็กเล็กสู่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคปอด โรคหัวใจ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การติดเชื้อ RSV อาจนำไปสู่การเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้

ปัจจุบันมีวัคซีน RSV ที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและลดความเสี่ยงของโรค RSV และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ  การฉีดวัคซีน RSV ในผู้สูงอายุควรทำควบคู่กับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้ออื่นๆ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ที่อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลง

ระยะเวลาการรักษาโรค RSV ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์

วิธีการป้องกันการติดเชื้อ RSV

  • ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลอยู่เสมอ
  • ใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ
  • ทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหากบุตรหลานป่วยด้วยโรค RSV
  • แยกและงดใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยในบ้าน
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ

สำหรับผู้สูงอายุและเด็กเล็ก หากมีอาการป่วย ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะหากปล่อยไว้ อาจมีผลกระทบรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ การตรวจเบื้องต้นช่วยแยกผู้ป่วยออกจากบุคคลอื่น เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ  ซึ่งการป้องกันและการรักษาได้ทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนและโรคอื่นๆ ที่อาจตามมา

วัคซีนป้องกันโรค RSV

ปัจจุบันมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรค RSV โดยมีประสิทธิภาพสูงถึง 94% ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

วัคซีน RSV (Respiratory syncytial virus Respiratory syncytial virus; RSV)  "Arexvy" ใช้กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากไวรัส RSV โดยการฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ สำหรับผู้สูงอายุทั่วไปสามารถฉีดวัคซีนนี้ได้ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป

ประสิทธิภาพของวัคซีน

จากการศึกษาพบว่า วัคซีน RSV มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากไวรัส RSV สูงถึง 82.6% และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ RSV-A และ RSV-B ได้ถึง 84.6% และ 80.9% ตามลำดับ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวร่วมอย่างน้อย 1 โรค โดยเริ่มตั้งแต่ 15 วัน หลังฉีดวัคซีนประสิทธิภาพในการป้องกันอยู่ที่ 94.6%

ข้อแนะนำในการฉีดวัคซีน RSV

  • สามารถฉีดวัคซีน Arexvy ควบคู่กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อตาย  4 สายพันธุ์
  • ควรพักดูอาการแพ้หลังการฉีดวัคซีน
  • เลื่อนการฉีดวัคซีนในกรณีที่มีไข้สูงอย่างเฉียบพลันรุนแรง

ช่วงเวลาที่ควรฉีดวัคซีน RSV

  • ควรฉีดวัคซีนก่อนฤดูกาลแพร่ระบาดของ RSV ซึ่งมักเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายน
    ของทุกปี

ผลข้างเคียงของวัคซีน RSV

    ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังการฉีดวัคซีน RSV "Arexvy" ได้แก่:

  • ปวดบริเวณที่ฉีดยา (61%)
  • อ่อนล้า (34%)
  • ปวดกล้ามเนื้อ (29%)
  • ปวดศีรษะ (28%)
  • ปวดข้อ (18%)

     อาการเหล่านี้มักมีความรุนแรงเล็กน้อยถึงปานกลางและจะหายไปเองภายใน 2-3 วันหลังการฉีดวัคซีน

ข้อควรระวังในการรับวัคซีน RSV

  • ห้ามฉีดวัคซีน Arexvy ในผู้ที่แพ้สารออกฤทธิ์หรือส่วนประกอบใด ๆ ของวัคซีน
  • ควรระมัดระวังในการฉีดวัคซีนในผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือมีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากอาจทำให้เกิดเลือดออกหลังการฉีด
  • ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีน Arexvy ในหญิงตั้งครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร

กลุ่มเสี่ยงที่ควรพิจารณาฉีดวัคซีน RSV

  • ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีอายุ 50-59 ปี และมีความเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจาก RSV
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคไต หรือโรคตับเรื้อรัง

ประโยชน์ของการฉีดวัคซีน RSV

  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัส RSV ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • ในกรณีที่ติดเชื้อ RSV จะช่วยลดความรุนแรงของอาการ เช่น ไอ หายใจลำบาก ปอดอักเสบ และลดความเสี่ยงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ปอดบวม และหลอดลมฝอยอักเสบ
  • ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจาก RSV โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงสูง

การทำความรู้จักกับโรค
RSV และวิธีป้องกันสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน  รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดความร้ายแรงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ