; โรคทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) -โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ McCormick Hospital ChiangMai

โรคทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)

       ทอลซิลอักเสบเป็นภาวะอักเสบของต่อมทอนซิล ส่วนคออักเสบ (Phayngitis) หมายถึงภาวะอักเสบของเนื้อเยื่อในลำคอที่อยู่บริเวณหลังช่องปากเข้าไป บางครั้งภาวะทั้งสองอาจเกิดขึ้นพร้อมกันได้ บางครั้งอาจเกิดเพียงทอลซิลอักเสบหรือคออักเสบอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปเมื่อพูดว่าต่อมทอลซิลอักเสบ จะหมายความถึงการอักเสบของต่อมทอนซิลซึ่งโดยมากเป็นทั้งสองข้างและมักมีอาการของหลอดคอหอยร่วมด้วย

สาเหตุของต่อมทอลซิลอักเสบ

       เมื่อร่างกายติดเชื้อจากผู้อื่นทำให้เชื้อในคอมีปริมาณมาก ต่อมทอลซิลซึ่งมีหน้าที่กรองเชื้อจะบวมแดง โตและเจ็บเกิดภาวะที่เรียกว่าต่อมทอลซิลอักเสบ (Tonsillitis) สาเหตุขึ้นกับอายุ เด็กโตหรือผู้ใหญ่จะเกิดจากเชื้อที่เรียกว่า Streptococcus ส่วนเด็กมักจะเกิดจากเชื้อไวรัส



อาการของต่อมทอลซิลอักเสบ

       1.  มีอาการเจ็บคอ อาการเจ็บคอจะเจ็บมากบริเวณด้านข้างของช่องปากทั้งสองข้าง โดยมากจะเจ็บมากกว่า 48 ชั่วโมง
       2.  กลืนอาหารลำบากโดยเฉพาะเวลากลืนอาหารจะเจ็บมาก สำหรับเด็กจะมีอาการน้ำลายไหลเนื่องจากกลืนลำบาก
       3.  มีอาการไข้ หนาวสั่น ไข้จะสูงหรือไข้ต่ำๆ ขึ้นอยู่กับสภาพผู้ป่วย เชื้อที่เป็นสาเหตุหากเป็นเชื้แบคทีเรียจะมีไข้สูง
       4.  หากต่อมอักเสบเฉียบพลันจะมีไข้สูง หากต่อมทอลซิลอักเสบเรื้อรังไข้จะต่ำๆ
       5.  คัดจมูก มีน้ำมูกแต่ไม่มาก น้ำมูกมักใส
       6.  ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
       7.  ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการเจ็บหูเพราะการอักเสบของต่อมทอนซิลอาจจะส่งผลถึงการอักเสบของหู
       8.  อาจจะมีอาการอาเจียนหลังรับประทานอาหาร
       9.  อาจมีต่อมน้ำเหลืองด้านหน้าลำคอส่วนบน โตทั้งสองข้าง
       10.มีกลิ่นปาก
       11.มีจุดหนองที่ต่อมทอลซิลและต่อมน้ำเหลืองโตกดเจ็บ



การรักษาต่อมทอลซินอักเสบ

       ถ้าอาการอักเสบไม่มาก เจ็บคอเล็กน้อย ไม่มีไข้ ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยา โดยให้พักผ่อนมากขึ้น ดื่มน้ำ รับประทานอาหารให้เพียงพอ ถ้าร่างกายสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ภายใน 2  -3 วัน อาการจะดีขึ้น แต่ถ้ามีอาการมาก ควรมาพบแพทย์ หากตรวจพบอาการอักเสบค่อนข้างรุนแรง มักจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาอื่นๆ ซึ่งอาการมักจะดีขึ้นในช่วง 3  -7 วัน



การรักษาโดยการผ่าตัด

       ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดโดยทั่วไปแพทย์จะพิจารณาตัดต่อมทอนซิลก็ต่อเมื่อ เป็นภาวะต่อมทอลซิลอักเสบเรื้อรังที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล หรือเกิดการอักเสบปีละหลายครั้ง หลายปีติดต่อกันทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลง เช่น ต้องขาดงาน หรือขาดเรียนบ่อย หรือเมื่อต่อมทอลซิลโตมาก ๆ ทำให้เกิดอาการนอนกรน และ/หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อีกทั้งในกรณีที่ผู้ป่วยมีต่อมทอลซิลโต และแพทย์สงสัยว่า อาจเป็นมะเร็งของต่อมทอลซิลโดยตรง หรือมีมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอแล้วหาตำแหน่งมะเร็งต้นเหตุไม่เจอ แต่แพทย์สงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งที่มาจากต่อมทอลซิล

       ฉะนั้นในการป้องกันโรคต่อมทอลซิลไม่ให้ลุกลามไปมากควรรีบพบแพทย์เพื่่อรักษาและวินิจฉัยเพิ่มเติมเมื่อมีอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการมากกว่า 4 วันโดยที่อาการไม่ดีขึ้นเลย และในการป้องกันตัวเองจากโรคนี้ควรที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารที่มีประโยชน์ และเมื่อมีคนใกล้ชิดป่วยเป็นทอลซิลอักเสบ (หรือมีไข้ เจ็บคอ) ควรพยายามอย่าอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยและระวังอย่าให้ผู้ป่วยไอหรือจามรด อย่าใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย และหมั่นล้างมือเพื่อชะล้างเชื้อที่อาจติดมากับมือที่ไปสัมผัสถูกสิ่งของที่แปดเปื้อนของผู้ป่วย เพียงเท่านี้