ภูมิแพ้ในเด็กที่พ่อแม่ต้องรู้
ภูมิแพ้เกิดจากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันในร่างกายมีการตอบสนองที่มากผิดปกติต่อสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่อวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่นผิวหนัง เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา เยื่อบุทางเดินหายใจ หรือเยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่มาก อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปทุกวันทำให้เด็กมีโอกาสเป็นภูมิแพ้สูงขึ้น ถ้าเด็กเป็นแล้วสุขภาพโดยรวมจะแย่ไปด้วย การเจริญเติบโตก็จะช้าไม่เป็นไปตามช่วงวัย

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้ในเด็ก
- ปัจจัยทางด้านพันธุกรรม ผู้ป่วยที่มีประวัติพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ มักมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ถึงร้อยละ20-40 และร้อยละ 50-80 ในกรณีที่พ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยที่อาจจะไม่ได้เป็นภูมิแพ้ชนิดเดียวกันหรือแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดเดียวกัน ก็ตาม
- ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ร้อยละ 15 ไม่ได้มีพ่อหรือแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้ แต่เกิดจากการอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้อยู่เป็นจำนวนมาก เช่นไรฝุ่น แมลงสาป การเลี้ยงสัตว์ที่มีขนในบ้าน เช่น สุนัข แมว เป็นต้น ตลอดจนการได้รับมลพิษทางอากาศเช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันบุหรี่ หรือการรับประทานนมจากสัตว์ เช่น วัวหรือแพะ รวมทั้งนมถั่วเหลืองในช่วงอายุ 6 เดือนแรกเกิดแทนที่จะเป็นนมแม่ ก็เกิดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้

ข้อสังเกตที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ และหมั่นสังเกตอาการดังนี้คะ
- เป็นหวัดบ่อยเป็นเกือบทุกเดือน
- คัดจมูก ชอบขยี้จมูก มีน้ำมูกใส
- บางคนมีอาการคันตา เคืองตา ขยี้ตาตลอดเวลา
- หายใจติดขัด แน่นหน้าอก รู้สึกเหนื่อยง่าย
- บางคนทานอาหารบางอย่าง เข้าไปอาจมีผื่นขึ้น

โรคภูมิแพ้ในเด็กที่พบบ่อยได้แก่
- โรคหืด เกิด จากทางเดินหายใจที่บวม ตีบแคบลง ซึ่งถูกกระตุ้นโดยปฎิกิริยาภูมิแพ้หรือสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย จะมีอาการหายใจเสียงดัง”วิ๊ด” หอบ แน่นหน้าอก อาจเกิดอาการในตอนกลางคืน ขณะออกกำลัง หรือขณะเป็นหวัด
- โรคเยื่อบุจมูกอักเสบภูมิแพ้ มีอาการ จาม คัน คัดจมูก มีน้ำใส เป็นเรื้อรัง หลายสัปดาห์ ในช่วงฤดูฝน หรือตลอดทั้งปี
- โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มี ผื่นคัน จนผิวหนังแดง เป็นเรื้อรัง โดยจะพบในเด็กเล็กและมีอาการมากเมื่อมีสิ่งกระตุ้นเช่น ร้อนเหงื่อออก แพ้อาหาร เป็นต้น
- ผื่นลมพิษ จะมีอาการคัน บวม ผื่นขึ้นนูนหนาของผิวหนัง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้ยาและอาหารบางชนิด นอกจากนี้การติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิดก็เป็นสาเหตุที่พบได้
- แพ้อาหาร เนื่องจากเกิดปฏิกิริยาแพ้โปรตีนใน อาหาร ก่อให้เกิดอาการได้หลายๆระบบ ได้แก่ ระบบทางเดินอาหาร จะปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายมีมูกปนเลือด อาการทางผิวหนัง มีผื่นขึ้น ลมพิษ หรือระบบทางเดินหายใจเช่น หอบ คัดจมูก มีน้ำมูกเรื้อรัง อาหารที่พบว่าเป็นสาเหตุได้บ่อยๆคือ นมวัว นมถั่วเหลือง ไข่ และแป้งสาลี เป็นต้น และอาการแสดงมักจะเริ่มต้นในขวบปีแรกและมีอาการเรื้อรัง เป็นๆหายๆ
- เยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ มีอาการแสบตา คันตา น้ำตาไหล ขยี้ตาบ่อย จนขอบตาช้ำ สีคล้ำ โดยพบบ่อยร่วมกับอาการเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้

วิธีการป้องกันให้เด็กๆห่างจากอาการภูมิแพ้
- ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ที่มีขนไว้ในบ้าน
- ภายในห้องนอน ควรมีเฉพาะเครื่องนอนและของใช้ที่จำเป็น ไม่ควรสะสมหนังสือรวมทั้งการใช้พรมทั้งห้องและในบ้าน
- ควรทำความสะอาดเครื่องนอน รวมไปถึงผ้าม่าน เครื่องปรับอากาศ เป็นประจำ
- ผู้ปกครองไม่ควรสูบบุหรี่ในบ้านหรือบริเวณที่มีเด็กอยู่
- เด็กที่เป็นโรคหืด ผู้ปกครองควรให้ออกกำลังกายเป็นประจำ หากมีอาการหอบหลังการออกกำลังกายควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาคุมอาการอย่างสม่ำเสมอ จะป้องกันอาการหอบได้และใช้ยาขยายหลอดลมเมื่อมีอาการ
- กำจัดเศษอาหารและขยะต่างที่อาจก่อให้เกิดแหล่งเพาะพันธ์ของแมลงสาป
ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตลูกด้วยว่าเป็นภูมิแพ้หรือไม่ จากข้อสังเกตหรืออาการจากข้อมูลดังกล่าวที่ให้ไว้เบื้องต้น เราควรสังเกตอาการลูกอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะป้องกันได้ก่อนตัวโรคจะลุกลามรวมทั้งพาลูกไปพบแพทย์เมื่อมีอาการมากขึ้น อีกทั้งให้เด็กเจริญเติบโตเป็นไปตามช่วงวัย และมีสุขภาพที่ดี