;
โรคอีสุกอีใสเป็นโรคติดต่อผ่านทางลมหายใจ ไอ และจาม การสัมผัสกับผู้ป่วยหรือใช้ของร่วมกัน มักจะระบาดในปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน ช่วงเดือน มกราคม-เมษายน พบมากในเด็กวัย 5-9 ปี ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella Virus) มีระยะฟักตัว 10-21 วัน คนไข้จะสามารถแพร่เชื้อโรคได้ตั้งแต่ก่อนที่จะมีอาการ 2 วัน จนถึงมีตุ่มน้ำแตกกลายเป็นสะเก็ด
อาการ
1. ระยะไข้ ประมาณ 1-2 วัน ไม่ว่าจะเป็นไข้สูงหรือต่ำ มีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัวและปวดกล้ามเนื้อ
2. ระยะผื่นขึ้น จะขึ้นเป็นผื่นแดงเม็ดเล็ก ๆ ต่อมากลายเป็นเม็ดใส และเพิ่มปริมาณมากขึ้นภายใน 3 - 5 วัน พบผื่นบริเวณลำตัวก่อนลามไปคอ ใบหน้า ศีรษะ แขน ขา ทั่วลำตัว เนื้อเยื่อในช่องปาก และลำคอ ตุ่มอาจเป็นหนองเมื่อติดเชื้อแบคทีเรีย
3. ระยะตกสะเก็ด ภายใน 1 - 3 วัน สะเก็ดแผลจะค่อย ๆ ลอก จางหายไปประมาณ 2 สัปดาห์
วิธีรักษา
1. ถ้ามีอาการไข้ ให้เช็ดตัวกินยาลดไข้พาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน
2. ทายาแก้คัน หรือยาบรรเทาอาการคัน
3. ตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการเกาซึ่งจะทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
4. ใช้น้ำเกลือ (สำหรับล้างแผล) เช็ดแผลเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
5. ใช้สบู่ยาฟอกตัวอาบน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
6. ผู้ใหญ่ หรือเด็กอายุเกิน 12 ปีขึ้นไป และเด็กทารก จะใช้ยาต้านไวรัสในการรักษาร่วมด้วย เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้สามารถเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อย
7. ถ้าเกิดอาการเหมือนแน่นหน้าอก หายใจเร็ว ไข้ไม่ลด ปวดศรีษะ ตุ่มเป็นหนอง จะต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้เช่น ภาวะปอดอักเสบ สมองอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด
การป้องกัน
วัคซีนสามารถป้องกันได้ผลกว่า 90 - 95% ฉีดแล้วอาจมีโอกาสเป็นได้อีก ประมาณ 2 - 10% แต่อาการไม่รุนแรง เริ่มฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปี ขึ้นไป และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4 - 6 ปี จะป้องกันได้เพิ่มขึ้นเป็น 99% แต่ผู้ใหญ่ หรือเด็กโต>13 ปี แนะนำให้ฉีด 2 เข็มห่างกัน 4-8 สัปดาห์ สามารถป้องกันได้ยาวนาน 20 ปี คนที่เคยเป็นอีสุกอีใสแล้ว จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน
"อีสุกอีใส เมื่อเป็นแล้วจะมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดในภายหลังได้อีก เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ จะแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนัง เมื่อภูมิคุ้มกันต่อเชื้อนี้อ่อนลง เชื้อที่แฝงตัวอยู่ จะแบ่งตัวจนกลายเป็นงูสวัดได้ การรักษาโรคอีสุกอีใสให้หายจากผื่นหรือตุ่ม ใช้เวลา ประมาณ 10 - 14 วัน ในระยะนี้ควรให้ผู้ป่วยพักอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น"