; เตรียมพร้อมสู่เส้นทางคุณแม่คุณภาพ -โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ McCormick Hospital ChiangMai

เตรียมพร้อมสู่เส้นทางคุณแม่คุณภาพ

ฝากครรภ์สำคัญอย่างไร?

การฝากครรภ์เป็นการดูแลสุขภาพครรภ์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงก่อนคลอด โดยคุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ควรพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ และเข้ารับการตรวจครรภ์ตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ การฝากครรภ์ถือว่าสำคัญมากเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ไม่จำกัดแค่ว่าท้องแรก แต่ไม่ว่าจะเป็นท้องที่ 2 หรือ 3 ก็ควรต้องฝากครรภ์ทั้งสิ้น เพราะแพทย์จะช่วยดูแลให้สุขภาพของผู้ตั้งครรภ์และทารกแข็งแรงปลอดภัย พร้อมทั้งให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพครรภ์อย่างถูกต้อง การปฏิบัติตัวต่างๆ ในช่วงตั้งครรภ์ ทั้งนี้การฝากครรภ์จะช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติในระหว่างตั้งครรภ์ และสามารถรักษาได้ทันเวลา เช่น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์    ครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น

การเตรียมตัวไปฝากครรภ์

เลือกสถานที่ใกล้และสะดวกที่สุด เพื่อความสะดวกในการเดินทางเวลามีเหตุฉุกเฉิน 


สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อไปฝากครรภ์ครั้งแรก

    • บัตรประชาชนของคุณแม่ และคุณพ่อ
    • ประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา การคลอดลูก โรคประจำตัว การแท้งบุตร ประวัติความเสี่ยงต่อโรคพันธุกรรม
    • ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย โดยนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย
    • ผลตรวจเลือดก่อนตั้งครรภ์/ ตั้งครรภ์ก่อน

ฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอตรวจอะไรบ้าง ?

 เมื่อเราไปฝากครรภ์ครั้งแรก จะมีการตรวจร่างกาย สุขภาพครรภ์ ดังนี้

    • ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณค่าดัชนีมวลกาย (BMI) วัดความดันโลหิต
    • สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อไปฝากครรภ์ ก็คือการตรวจยืนยันการตั้งครรภ์โดยการตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด   ตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) เพื่อประเมินอายุครรภ์ และคัดกรองความผิดปกติของทารกเบื้องต้น
    • ตรวจเลือดคุณแม่เพื่อค้นหาโรคหรือความเสี่ยงแฝง ได้แก่
      • คัดกรองโรคธาลัสซีเมีย Hb typing
      • ความความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC
      • การติดเชื้อซิฟิลิสVDRL
      • การติดเชื้อ เอช ไอ วี Anti-HIV
      • ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี HBsAg
      • กรุ๊ปเลือดBlood group ABO, Rh
      • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด คัดกรองโรคเบาหวาน
    • ตรวจปัสสาวะปัสสาวะ เพื่อดูว่ามีน้ำตาลในปัสสาวะบ้างหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่ไม่ได้เป็นเบาหวานแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ และดูว่ามีโปรตีนหรือไม่ ถ้ามีจะบ่งว่าไตทำงานไม่ปกติ
    • ตรวจร่างกายทั่วไปของคุณแม่
    • ตรวจเลือดคุณพ่อเพื่อคัดกรองธาลัสซีเมีย, และโรคเอดส์ กรุฟเลือด

เมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยคุณแม่จะรับวิตามินหรือยาบำรุงร่างกายคุณแม่ พร้อมกลับมาฝากครรภ์ตามนัด โดยแพทย์จะนัดให้มาตรวจครรภ์โดยแบ่งเป็น 3 ไตรมาส โดยจะมีการตรวจที่แตกต่างกันออกไปดังนี้

ช่วงไตรมาสที่ 1 (เริ่มตั้งครรภ์ถึง 13 สัปดาห์)

แพทย์จะนัดตรวจทุก 1 เดือน โดยมีการตรวจดังนี้

    • ชั่งน้ำหนักวัดความดันโลหิต ทุกครั้งเมื่อมาฝากครรภ์ เพื่อดูว่าน้ำหนักเพิ่มตามเกณฑ์หรือไม่ 
    • ตรวจปัสสาวะ ทุกครั้งเมื่อมาฝากครรภ์ เพื่อดูว่ามีน้ำตาล และดูว่ามีโปรตีนหรือไม่
    • ตรวจเลือดมารดาเพื่อคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือตรวจเลือดวัดสารเคมีบ่งชี้ทารกดาวน์ซินโดรม
    • ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อกำหนดอายุครรภ์ และคัดกรองความผิดปกติของทารกเบื้องต้น
    • ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

ไตรมาสที่ 2 (อายุครรภ์ 14-27 สัปดาห์)

แพทย์จะนัดตรวจทุก 1 เดือน โดยมีการตรวจดังนี้

    • ตรวจเลือดเพื่อคัดกรองภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์
    • พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพในช่องปาก
    • ตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อดูเพศของทารก และดูพัฒนาการการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์

ไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 28-40 สัปดาห์)

แพทย์จะนัดตรวจทุก 2 สัปดาห์อายุครรภ์ 28-36 สัปดาห์

แพทย์จะนัดตรวจทุก 1 สัปดาห์อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ขึ้นไป

     โดยมีการตรวจดังนี้

    • ฉีดวัคซีนกระตุ้นเพื่อป้องกันโรค คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
    • ตรวจเลือดครั้งที่2  ความความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC การติดเชื้อซิฟิลิสVDRL การติดเชื้อ เอช ไอ วี Anti-HIV
    • ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อคำนวนน้ำหนักตัวและตรวจสุขภาพทารกในครรภ์

  •  

คุณแม่จะเห็นได้ว่า ตลอดการตั้งครรภ์ในทุกไตรมาส จะมีการตรวจที่สำคัญในทุกช่วง ดังนั้นการตรวจเพื่อติดตามตลอดการตั้งครรภ์ จึงมีความจำเป็น เพื่อประโยชน์ที่ได้รับจะเกิดกับลูกน้อย ในเรื่องของการตรวจดูพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ทั้งสุขภาพทั้งกาย และสุขภาพจิตที่สมบูรณ์แข็งแรง เมื่อทารกคลอดออกมา “การฝากครรภ์อย่างมีคุณภาพ” จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่คุณแม่ทุกท่านควรตระหนัก และไม่ควรละเลย