;
สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ได้แก่
1) ความผิดปกติจากระบบทรงตัวในหูชั้นในรวมถึงเส้นประสาทที่เชื่อมต่อไปยังสมองส่วนกลาง ( peripheral vestibular system ) ความผิดปกติจากระบบนี้เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน โรคที่พบได้บ่อยได้แก่ โรคก้อนหินปูนเคลื่อนที่ในหูชั้นใน (Benign paroxysmal positional vertigo) โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) โรคเส้นประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน (Sudden sensorineural hearing loss) นอกจากนี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การอักเสบหรือการติดเชื้อของระบบประสาทในหูชั้นใน การบาดเจ็บหลังศีรษะได้รับความกระทบกระเทือน เนื้องอกของเส้นประสาทจากหูชั้นใน เป็นต้น
2) สาเหตุที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลางและสมอง ( central vestibular system ) ที่พบได้มากจะเป็นความผิดปกติของระบบหลอดเลือดในสมอง เช่น โรคไมเกรน ภาวะขาดเลือดของระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนี้อาจมีสาเหตุจากเนื้องอกหรือการติดเชื้อของระบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น
3) สาเหตุจากโรคอื่นๆ เช่น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเลือด, ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ผู้ป่วยโรคไต, กระดูกต้นคอเสื่อม เป็นต้น
ในที่นี้ จะขอกล่าวถึง 2 โรคที่ทำให้เกิดอาการเวียนหมุนได้บ่อย ได้แก่ โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนและโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
1. โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน หรือโรคเวียนศีรษะขณะเปลี่ยนท่า (Benign paroxysmal positional vertigo :BPPV) เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่พบได้บ่อยที่สุด โรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของหูชั้นใน จึงพบมากในผู้สูงอายุ อาการเฉพาะของโรคนี้คือ อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่เกิดขึ้นทันทีทันใดในขณะเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ เช่น ระหว่างกำลังล้มตัวลงนอนหรือลุกจากที่นอน เงยหน้า ก้มหยิบของ เป็นต้น อาการมักจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เป็นช่วงวินาทีที่ขยับศีรษะ แล้วอาการจะค่อยๆ หายไป ผู้ป่วยโรคนี้จะไม่มีอาการหูอื้อ ไม่พบการสูญเสียการได้ยินหรือเสียงผิดปกติในหู (ยกเว้นในรายที่เป็นโรคหูอยู่ก่อนแล้ว) รวมถึงไม่มีอาการทางระบบประสาท เช่นแขนขาชาหรืออ่อนแรง
2. โรคน้ำในหูชั้นในผิดปกติหรือโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่พบว่าอาการของโรคเป็นผลจากความผิดปกติของน้ำที่อยู่ภายในหูชั้นใน ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะหมุนอย่างรุนแรง เป็นระยะเวลานานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน มีอาการคลื่นไส้อาเจียนและสูญเสียสมดุลของร่างกาย ทำให้เซหรือล้มได้ง่าย ร่วมกับมีอาการทางหู เช่นหูอื้อ แน่นในหู เหมือนมีลมออกหู มีเสียงดังในหู และหากเป็นบ่อยครั้งในระยะเวลานาน อาจส่งผลต่อการได้ยิน ทำให้มีเส้นประสาทหูเสื่อม
วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
1. นอนพัก และหลับตา เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุลอย่างเต็มที่
2. หยุดทำกิจกรรมทุกอย่างโดยทันที เพราะอาการนี้ถึงแม้จะไม่อันตราย แต่ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะในขณะยังมีอาการ การปีนป่ายที่สูง การทำงานกับเครื่องจักร เป็นต้น
3. ดื่มน้ำอุ่นๆการดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ และช่วยไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะหากร่างกายขาดน้ำแล้วจะยิ่งทำให้เวียนศีรษะยิ่งกว่าเดิม
4. รับประทานยาในกลุ่มไดเมนไฮดริเนต(dimenhydrinate)ซึ่งเป็นยาแก้เมารถ เมาเรือ จะช่วยให้อาการทุเลาไวขึ้น
โดยส่วนใหญ่แล้วอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ไม่ใช่อาการที่เป็นอันตราย แต่เป็นอาการที่ควรระมัดระวัง เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ หากปฏิบัติตัวตามดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว อาการยังไม่ทุเลาและหายไปภายใน 8-12 ชั่วโมง มีอาการอาเจียนรุนแรง จนไม่สามารถดื่มน้ำหรือทำอะไรได้ หรือเป็นบ่อย ก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายของโรคบางอย่าง จึงควรได้รับการวินิจฉัยอย่างละเอียด